แนะนำที่พักจังหวัดน่าน

หลังจากปลดล็อคโควิดครั้งนี้ เชื่อว่าหลายๆคนที่ต้องอดทนอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปเที่ยวไหนคงเตรียมแผนการที่จะไปเที่ยวกันแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งหากขึ้นเหนือไปนั้นคงส่วนใหญ่ก็คงไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือจังหวัดเชียงรายกันอย่างแน่นอน

ซึ่งก็คงจะแออัดกันพอสมควรเลย แต่ถ้าใครกลัวที่จะแออัด และต้องไปแย่งกันกินแย่งกันใช้นั้น จริงๆ แล้วนั้นทางภาคเหนือของประเทศไทยเรานั้นยังมีอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจและควรแวะไปเที่ยวกัน นั่นก็คือจังหวัดน่าน ซึ่งที่นี่มีที่พักที่น่าสนใจอย่าง

ตูบนา โฮมสเตย์ ซึ่งเป็นที่พักที่บ่งบอกการใช้ชีวิตของคนเมืองน่านโดยแท้ และเป็นที่พักที่ดูอบอุ่นน่ารัก มีการบริการที่มีความเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่น่าเที่ยวเลยทีเดียว เพราะปรกติเวลาคนที่มาเที่ยวที่นี่นั้นก็จะมาเที่ยวช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน ของทุกปี

เพราะคุณจะได้พบทุ่งหญ้าที่เขียวชอุ่ม แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปว่าถ้าไม่สะดวกไปเที่ยวช่วงที่เราแนะนำนั้น ที่นี่ก็จะมีการปลูกดอกไม้ที่มีสีสันแทน ซึ่งก็จะให้ความรู้สึกสดชื่นไปอีกแบบ ส่วนของห้องพักนั้นก็จะมีหลากหลายสไตล์ทั้งแบบโมเดิรน์ หรือแบบกระท่อมไม้ ให้ทุกคนได้เลือกตามใจชอบ

แต่หากใครนึกถึงสมัยเด็กนั้น ที่จังหวัดน่านนี้ก็มีที่พักแบบแหวกแนวสไตล์แบบโรงเรียนชาวนา ซึ่งถูกสร้างมาเป็นแบบสไตล์ที่พักโรงเรียนซึ่งต้องบอกสำหรับที่นี่นั้นตอนแรกตั้งใจจะทำให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

แต่พอทำเสร็จแล้วมีคนให้ความสนใจกันมากก็เลยตัดสินใจเป็นที่พักซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดี และคนที่มาพักที่นี่ก็ชอบกันทุกคนเพราะได้อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริงแถมยังได้ความรู้กลับไปอีกด้วย ส่วนอีกที่หนึ่งนั้น ถ้าคนที่เคยมาเที่ยวที่จังหวัดน่านต้องรู้จักกันแน่นอน เพราะที่นี่คือ น่านศรีปันนา

ที่พักที่เรียกว่ารายล้อมด้วยขุนเขาและทุ่งนา บรรยากาศที่สวยงามและเรียงร้อยไปด้วยความสงบ มีเสียงธรรมชาติจากสัตว์ต่างๆ ก้องเป็นระยะ อีกทั้งตัวที่พักเองนั้นตกแต่งด้วยสไตล์ล้านนา เน้นความเป็นบรรยากาศธรรมชาติให้ความรู้สึกอบอุ่น ซึ่งดูแล้วสบายตาและปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างเต็มที่

ซึ่งเชื่อว่าถ้าใครที่เคยได้มีโอกาสมาพักที่แห่งนี้แล้ว หากเมื่อใดก็ตามที่คุณได้มาเที่ยวที่จังหวัดน่านอีก คุณก็จะต้องกลับมาพักที่ น่านศรีปันนา ที่นี่อีกแน่นอน เพราะคุณจะรู้สึกได้ว่าที่นี่คือที่ปลดปล่อยอารมณ์และดื่มด่ำความสุขอย่างแท้จริง

 

สนับสนุนโดย  bk8

เที่ยวย่านฮาราจุกุ

( Harajuku – Omotesando )

      ไปย่านนี้เพื่ออัพเดตแฟชั่นกันหน่อย ไม่ว่าจะเป็นสาวคอสเพลย์ เดินเล่นชองป์เซลีเซส์แห่งโตเกียว ถ้าจะให้นิยามคว่า

“ฮารา-จุกุ” (Harajuku) หลายๆคนคงจะนึกถึงย่านที่มีวัยรุ่นญี่ปุ่นแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แหวกแนวหาดูได้ยากในบ้านเรา แต่จริงๆแล้วย่านนี้ยังรวบรวมเอาแหล่ง

ร้านค้าแบบวัยรุ่น สวนสาธารณะศาลเจ้าขนาดใหญ่ และถนนใหญ่สไตล์ยุโรปที่มีร้านค้าหรูหราตั้งเรียงรายเอาไว้ด้วยกัน เป็นความแตกต่างอย่างลงตัวระหว่างโลกแห่งแฟชั่นที่อยู่ห่างจากโลกแห่งความสงบร่มเย็นด้วยที่มีถนนสายเล็กๆสายหนึ่งคั่นกลาง

  การเดินทาง 

-Tokyo Metro Chiyoda Line 

หรือ Fukutoshin Line 

สถานี Meiji-jingumae [C03],[F15]

-Tokyo Metro Chiyoda Line

หรือ Ginza Line

หรือ Hanzomon Line

สถานี Omote-sando [Co4], [Go2], [Z02]

-รถไฟ JR สาย Yamanote Line

ลงสถานี JR Harajuku

       ไฮท์ไลท์ในย่านนี้

Takeshita – Dori

      ถนนแห่งสีสันแฟชั่นแบบหลุดโลกอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ JR Harajuku เป็นถนนสายสำคัญที่เมื่อเอ่ยถึงฮาราจุกุหลายๆคนต้องนึกถึงถนนสายนี้ ตลอดความยาวถนน 250 เมตรเต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลายประเภท ทั้งรันขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ นาฬิกา รองเท้า เครื่องสำอาง รวมไปถึงร้านขายสินค้าราคาถูก 100 เยนชื่อดังอย่างร้าน Daiso ที่เป็นตึกสูงหลายชั้น หรืออย่างร้าน Matsumoto Kiyoshi ที่สาวไทยหลายคนชื่นชอบ เพราะเครื่องสำอางราคาไม่แพง นอกจากร้านค้าแล้ว ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟที่มีโมเดลสวยๆตั้งโชว์หน้าร้ทนไว้เรียกลูกค้า เรียกได้ว่ามีครบทุกอย่างบนถนนสายนี้

ใครที่อยากซื้อของฝากแต่ไม่รู้จะซื้ออะไร รับรองว่าจะต้องได้สินค้าของฝากจี๊ดจ๊าดโดนใจกลับไปฝากเพื่อนๆที่เมืองไทยแน่นอนระวังสับสนระหว่างถนนสายนี้กับถนนชื่อ Harajuku Street ที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วยนะ เพราะถนนสายนั้นมีร้านค้าเรียงรายอยู่ตลอดถนนและมีคนแต่งตัวแฟชั่นแปลกๆล้ำๆเช่นกัน แต่คึกคักน้อยกว่า

แต่สิ่งที่จี๊ดจัดแปลกตาและน่าสนใจมากกว่าก็คือกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่นที่เดินกันขวักไขว่บนถนนสายนี้โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ที่ในย่านนี้จะเต็มไปด้วยคนแต่งตัวแฟชั่นคอสเพลย์ กอทิก โลลิต้า ชุดสาวเมด ไปจนถึงตัวการ์ตูนแฟนซีต่างๆออกมาเดินกันเต็มไปหมด

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

อกหักไปเที่ยวไหนดี

มีคนจำนวนไม่น้อยที่หาเหตุผลในการเดินทางเพื่อออกไปเจอสิ่งต่างๆมากมาย และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เจอเหตุผลในการออกไปท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือในบางครั้งอาจจะไม่ได้เจอด้วยตัวเองแต่สามารถเจอได้จากคนอื่นหรือจากเหตุผลที่หลายๆคนเจอคือการอกหักแล้วไปเที่ยวไหนดีนั่นเอง

บางครั้งการอกหักก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนนั้นต้องออกเดินทางไปยังในสถานที่ที่ไม่เคยไปนั่นเอง เมื่อหาเหตุผลในการจะออกไปเที่ยวได้แล้วก็อาจจะต้องมาคิดอีกว่า อกแล้วแล้วไปไหนดี 

นี่จะเป็นการรวบรวมแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนอกหัก ไม่ว่าจะอกเพราะอะไรก็สามารถตามไปเที่ยวยังในสถานที่ต่างๆเหล่านี้ได้และสถานที่ต่างๆเหล่านี้ก็จะไม่ได้เป็นเพียงแต่สถานที่ท่องเที่ยวในวันอกหักแต่ยังเป็นสถานที่สามารถช่วยเยียวยาและรักษาจิตใจที่บอบช้ำของเราได้อย่างดีอีกด้วย

และสถานที่ยอดฮิตเมื่อตอนอกหักแล้วนึกถึงเป็นสถานที่แรกๆก็คือ การไปเที่ยวทะเลนั่นเอง และถือว่าทะเลนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและฮิตในการไปท่องเที่ยวมาก ทั้งคู่รักหรือคนอกหรือนั่นเอง จริงๆแล้วการอกหักแล้วไปทะเลนั้นถือว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข่อดีคือทะเลนั้นมีความสงบทำให้เมื่อเราไปทะเลแล้วจิตใจของเราจะไม่เกิดความว้าวุ่น

เราสามารถนั่นฟังเสียงคลื่นเสียงลมและได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาได้นั่นเอง และสามารถรู้ถึงวิธีที่จะทำอย่างไรเราถึงจะหยุดอาการเสียใจจากอาการอกหักครั้งนี้ได้ หรือเป็นการได้ไปพักผ่อนนอนฟังเสียงลมเสียงคลื่นที่ทะเลนั่นเองและข้อเสียขอการไปเที่ยวทะเลในช่วงอกหักก็คือ ความเงียบของทะเล

ก็อาจจะเป็นสิ่งที่อาจจะทำให้คุณนั้นเสียใจมากขึ้นนั่นเองเพราะอาจจะมีความคิดถึงคนรักหรือคนที่ทำให้คุณรู้สึกเสียใจอกหักนั่นเองหรือบางคนก็มีความคิดสั้นที่จะฆ่าตัวตายโดยการเดินลงไปในทะเลนั่นเอง ทะเลนั้นจึงมีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับคนอกหักนั่นเอง ถึงแม้ว่าจะมีข้อดีข้อเสียสำหรับคนอกหักอย่างไร

แต่สิ่งหนึ่งไม่ว่าเราจะมาทะเลเพราะเหตุผลอะไร อย่างน้อยการอกหักก็ถือว่าเป็นการให้เราได้มาท่องเที่ยวและได้เรียนรู้โลกกว้างมากกว่าที่เคยนั่นเอง และการอกหักนั้นอาจจะยังสามารถนำพาเราไปเจอผู้คนใหม่ๆ ทัศนคติใหม่ๆ ในสถานที่ใหม่ๆได้อีกด้วยนั่นเอง ดังนั้นแล้วไม่ว่าเรานั้นจะอกหักหรือมีเหตุปลอะไรต่างๆก็ตาม

เราควรที่จะออกเดินทางเพื่อไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่เราอยากไปสักครั้งในชีวิตหรือบางครั้งไม่ต้องรอให้อกหักก็สามารถพาตัวเองไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆได้เช่นกัน อาจจะไปคนเดียวหรือไปกับเพื่อน ครอบครัว คนรู้ใจก็ได้ยิ่งดี

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ไฮโล

พาเที่ยววัดปทุมธาราม จังหวัดชัยนาท 

    วันนี้เรากำลังจะไปเที่ยวที่จังหวัดชัยนาทกันค่ะ วันนี้เราจะเดินทางจากกรุงเทพฯไปเที่ยวจังหวัดชัยนาทกันค่ะซึ่งที่นั่นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายที่โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นวัดวันนี้เราจะไปวัดที่มีความงดงามมากที่สุด

วัดหนึ่งในจังหวัดชัยนาทเลยทีเดียวค่ะโดยวัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องของพระมหาเจดีย์ศรีชัยนาทว่าการวาดเจดีย์ที่นี่เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดชัยนาทเลยทีเดียวค่ะสำหรับเจดีย์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดชัยนาทนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแสดงออกถึงการเฉลิมพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ซึ่งเป็นพระกษัตริย์ของไทยในรัชกาลที่ 9 โดยการเฉลิมฉลองในครั้งนี้เนื่องจากว่าพระองค์ได้มีการครองราชสมบัติมางานครบ 50 ปีจึงทำให้ประชาชนทั่วประเทศของแต่ละจังหวัดก็จะมีการสร้างศาสนสถานเพื่อเอาไว้เป็นที่ระลึกถึงพระองค์ซึ่งสำหรับเจดีย์พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคลนี้ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุรวมถึงพระธาตุของพระอรหันต์ให้นำมาเก็บไว้บรรจุอยู่ในพระมหาเจดีย์นี้ด้วย

โดยมีการนำไปไว้ที่บุษบกซึ่งอยู่บนยอดของพระเจดีย์สำหรับความเป็นมาของวัดแห่งนี้นั้นว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมาโดยสมเด็จเจ้าเถื่อน   และสมเด็จพร  รวมถึงหวยไอ้ไข่   อะไรแน่นอนว่าที่วัดแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับเรื่องของพระพุทธรูปและรูปปั้นของบุคคลที่มีความสำคัญซึ่งเวลาที่เราเดินทางไปเที่ยวที่นี่นั้น

นอกจากเราจะได้ชมความงดงามของตัววัดและเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดชัยนาทแล้วระยะทางสามารถไปสักการะกราบไหว้รูปเหมือนหล่อของหลวงปู่ศุข    รวมถึงหลวงพ่อจาค ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสของวัดปทุมธารามแห่งนี้และยังมีรูปหล่อของกรมหลวงชุมพรอีกทั้งยังมีพระพุทธรูปมากมายหลายปางให้เราได้ไปเคารพกราบไหว้

และขอพรอย่างเช่นที่บริเวณด้านหน้าของวิหารก็จะมีพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่สีทองอยู่ที่บริเวณด้านหน้ารวมถึงภายในบริเวณวัดเองก็จะมีจุดที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปทำบุญไม่ว่าจะไปขอพรกับพระพิฆเนศหรือหากใครอยากจะลอดโบสถ์ที่นี่ก็จะมีโบสถ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปรอดด้วย

ซึ่งหากใครมีการไหว้พระพิฆเนศขอพรเสร็จเรียบร้อยแล้วอยากให้คำอธิษฐานเป็นจริงให้ทำการเดินวนรอบพระพิฆเนศจำนวนทั้งสิ้น 3 รอบว่ากันว่าท่านจะได้รับพรตามที่ขอสักพระพิฆเนศแน่นอน    

สำหรับที่วัดปทุมธารามแห่งนี้เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมความงดงามและเข้าไปกราบไหว้พระพุทธรูปกันอย่างไม่ขาดสายดังนั้นหากใครได้มีโอกาสไปที่จังหวัดชัยนาทอย่าลืมแวะไปไหว้พระที่วัดปทุมธารามนะคะ

เพราะถือว่าเป็นจุดเช็คอินอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวควรจะไปเช็คอินเอาไว้ประเพณีถ้าหากใครมาจังหวัดชัยนาทแล้วไม่แวะมาไหว้พระที่วัดปทุมธารามแล้วเราก็จะถือได้ว่าคุณยังมาไม่ถึงจังหวัดชัยนาทนะคะ    

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนัน pantip

การเดินทางท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนกับเป้ใบเดียว

ผมได้นั่งเครื่องบินมาลงที่จังหวัดเชียงใหม่และต่อเครื่องไปลงที่แม่ฮ่องสอนด้วยสายการบินBangkok Airwaysในช่วงบ่ายของวันอากาศค่อนข้างแจ่มใสกว่าทุกๆวัน

ในช่วงฤดูฝนนี้ซึ่งมันก็ได้เป็นช่วงที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้นผลิบานและเขียวชอุ่มไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์จากนั้นก็ได้ถามทางในจังหวัดแม่ฮ่องสอนกับคนชื่อออมที่นั่งข้างๆผมบนเครื่อง เมื่อลงเครื่องพี่ออมจึงให้ผมติดรถของคุณแม่พี่ออมที่ได้เข้ามารออยู่ที่สนามบินแล้วเข้าไปภายในเมืองแม่ฮ่องสอนเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่ผมได้รับก่อนเริ่มเดินทางในทริปนี้

ซึ่งทางคุณแม่ของพี่ออมพาผมมาลงที่ร้านPR Motorเพื่อที่จะเช่ารถ ร้านPR Motorมีทั้งรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ให้เช่าสำหรับการเดินทางในทริปนี้ในการเดินทาง4วัน3คืนนี้ผมคงจะต้องเดินทางมากกว่า500กิโลเมตรแน่ๆ

จึงได้ขอPlay Sateด้วยการเช่ารถยนต์ในฤดูฝนนี้ในช่วงเวลา5โมงเย็นบ้านรักไทยได้เป็นจุดหมายแรกที่ผมจะเดินทางเข้าไปซึมซับบ้านเรือนของชาวบ้านชาวจีนยูนนานในอดีตและผมก็ได้เดินทางมาถึงบ้านรักไทยหมู่บ้านที่โอบล้อมไปด้วยทิวเขาที่อุดมสมบูรณ์และเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า1776เมตร

ภายในหมู่บ้านจึงมีอากาศเย็นสบายแม้ฤดูฝนนี้ความเงียบสงบในยามเย็นของบ้านรักไทยทำให้ร่างกายของผมกับธรรมชาติของที่นี่สื่อสารกันได้ไม่ยากเป็นยามเยนที่สวยงามที่ผมได้เดนทางมาถึงยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นครั้งแรกของชีวิตต้าเหล่าซือ รักไทยรีสอร์ทที่พีกติดริมน้ำในค่ำคืนนี้ของผมสำหรับการเตรียมตัว

ที่จะสัมผัสบรรยากาศในค่ำคืนนี้ของบ้านรักไทยและแสงอาทิตย์ก็ดับลงและในขณะที่ผมนั่งพักผ่อนอยู่หน้าที่พักภาษาไทยสำเนียงใต้จากผู้หญิงคนหนึ่งก็ได้เอ่ยปากชวนผมไปร่วมวงกับเพื่อนๆของเธอที่กำลังปิ้งย่างหน้าเต้นท์ห่างจากที่พักของผมไปไม่มาก

และแน่นอนที่ผมก็ลุกไปแทบจะทันทีกับบรรยากาศที่เงียบสงบพร้อมกับกินอาหารข้างๆกองไฟเป็นแคมป์ปิ้งที่ผมจะไม่พลาดน้ำใจจากเพื่อนๆกลุ่มนี้การเดินทางด้วยตัวคนเดียวมักจะเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปสัมผัสกับมิตรภาพของผู้คนได้ไม่ยาก

ซึ่งพี่ๆในกลุ่นนี้เพิ่งจะเรียนจบศิลปกรรมมาเหมือนกับผมจึงทำให้บทสนทนาของเราในค่ำคืนนี้มันได้มีความขำขันและเฮฮาไปตามภาษาเดียวกันที่ผมและพี่ๆเขาต่างก็ได้มีความสุขและยิ้มหัวเราะไปด้วยกันแบบที่มีรอยยิ้มซึ่งมันก็ทำให้เราได้รู้ว่าการที่ได้มาท่องเที่ยวคนเดียวนั้นมันก็สามารถทำให้เราได้เรียนรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆได้เป็นอย่างดี

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8thai

วัดเฉลิมพระเกียรติ  วัดสวยบนดอยที่จังหวัดลำปาง

            หากพูดถึงเรื่องของการท่องเที่ยวแล้ว จังหวัดลำปางเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าเดินทางไปเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะที่จังหวัดลำปางมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติหลายที่ที่น่าสนใจไปเที่ยวชมความงดงามของธรรมชาติ

อีกทั้งเมืองลำปางยังมีรถม้าที่ขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างนิยมเดินทางไปนั่งรถม้าชมเมืองกัน สำหรับการพาเที่ยวเมืองลำปางในครั้งนี้จะมาพามาชมความสวยงามของวัดบนดอยปู่ยักษ์ 

ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามและน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักที่สามารถขึ้นไปก่อสร้างวัดได้อย่างสวยงามถึงยอดเขา ซึ่งวัดแห่งนี้เรียกว่าวัด เฉลิมพระเกียรติ  และสิ่งที่ทำให้วัดแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมความงดงามและความน่าอัศจรรย์นอกจากจะมีการสร้างวัดไว้บนยอดเขาที่เป็นที่สูงแล้ว

ที่นี่ยังมี รอยเท้าพระพุทธบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวพุทธนิยมกราบไหว้บูชาประดิษฐานอยู่ที่นี่อีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดดึงดูดนักทอ่งเที่ยวได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ในครั้งที่มีการสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติ 

ในช่วงแรกแรกนั้นทางขึ้นไปกราบไหว้ นมัสการรอยเท้าพระพุทธบาทบนวัดเฉลิมพระเกียรติ  แห่งนี้นั้นเป็นไปได้ค่อนข้างลำบากเพราะต้องเดินขึ้นไปบนยอดเขาสูง ทางเดินก็จะมีป่าและมีหินขรุขระระหว่างทางและที่สำคัญทางเดินขึ้นเขาจะค่อนข้างสูงชันเป็นอย่างมาก ทำให้นักท่องเที่ยวหลายรายท้อแท้กับการที่จะต้องเดินขึ้นไปถึงยอดเขา ทำให้คนขึ้นไปทำบุญไหว้พระบนวัดเฉลิมพระเกียรติ

  นั้นมีน้อย จะมีก็แต่ชาวบ้านที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจริงจริงถึงได้ยอมเดินฝ่าป่าหญ้าและทางที่ยากลำบากขึ้นไป ต่อมาได้มีเจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม ชื่อว่าหลวงพ่อ ไพบูลย์ สุมัคโล  ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่ที่จังหวัดพะเยา เกิดมีจิตศรัทธาอยากมากราบไหว้รอยเท้าพระพุทธบาท จึงได้เดินทางมาที่วัดแห่งนี้

และเมื่อเห็นหนทางที่ยากลำบากในการที่จะขึ้นไปนมัสการกราบไหว้รอยเท้าพระพุทธบาทจึงได้เกิดจิตอันเป็นกุศล อยากที่จะมีการพัฒนาให้วัดเฉลิมพระเกียรติ  มีความเจริญมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงได้มีการปรึกษากับคณะสงฆ์ จนเกิดมีมติในที่ประชุมให้สามารถสร้างเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติ 

ที่มีความสวยงามใหญ่โต ได้มาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีการบูรณะซ่อมแซมและพัฒนาวัดแห่งนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 2547  ซึ่งในขณะนั้นก็เป็นการสร้างถวายในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่สี่  ได้พระราชสมภพมาจนครบเข้าปีที่  200 ปีพอดี ซึ่งหากขึ้นไปด้านบนนอกจากรอยเท้าพระพุทธบาทแล้วยังมีพระพุทธรูปอีกหลายองค์

ให้กราบไว้บูชาซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านนิยมพากันไปขอพร และทีสำคัญวิวด้านบนของวัดสวยงามมากมีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ตอนนี้ทางเดินขึ้นเขาก็สะดวกทำให้นักท่องเทียวพากันเดินทางมาเที่ยวที่นี่กันมากมาย        

 

ขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนโดย  bk8 slot

เที่ยวหมู่บ้านซอมบี้หมู่บ้านผีที่มีอยู่จริงที่ประเทศอินโดนีเซีย 

  หากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบกล่อมประสาทสยองขวัญแนะนำว่าเที่ยวที่นี่เลยประเทศอินโดนีเซียหมู่บ้านซอมบี้หมู่บ้านผีที่มีอยู่จริง  เชื่อว่าหลายๆคนคงชื่นชอบการดูหนังซอมบี้ซึ่งหนังประเภทนี้เป็นหนังที่คนส่วนใหญ่

มักจะเห็นว่ามีผู้คนที่คล้ายกับผีดิบเดินออกอาละวาดทำร้ายผู้คนทั้งกลางวันและกลางคืนหากใครอยากที่จะลองเข้าไปอยู่ในโลกของภาพยนตร์ซอมบี้สามารถที่จะมาท่องเที่ยวที่ประเทศอินโดนีเซียได้ที่นี่มีสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสเหมือนกับอยู่ในโลกของซอมบี้จริงๆ

ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้นเมื่อหมู่บ้านแห่งนี้ชื่อว่าหมู่บ้าน  Toraja  ซึ่งที่หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นหมู่บ้านที่เรียกว่าหมู่บ้านซอมบี้นั่นก็เพราะว่าพวกเขาจะมีพฤติกรรมของคนในหมู่บ้านที่จะมีการจัดขึ้นทุกๆปีโดยกิจกรรมนี้จะมีการจัดในเดือนสิงหาคมซึ่งพิธีการของคนในหมู่บ้านนี้ก็คือการที่พวกเขาเหล่านั้นจะขุดเอาศพญาติพี่น้องของตนเองที่เสียชีวิตไปแล้วและถูกฝังไว้แล้วขึ้นมา

ทำความสะอาดร่างกายและแต่งตัวให้ใหม่ซึ่งพวกเขาจะใส่เสื้อผ้ามีผมปะแป้งให้ใหม่หลังจากนั้นก็นำศพที่มีการแต่งตัวเรียบร้อยแล้วใส่ไว้ในโลงศพใหม่อีกครั้งหนึ่งพากันแห่ศพไปยังบริเวณที่พวกเขาตายเมื่อถึงตรงจุดที่ตายแล้วก็พากันแห่เอาศพดังกล่าวกลับมาไว้ยังหมู่บ้านอีกครั้งหนึ่งซึ่งพิธีกรรมนี้จะจัดขึ้นปีละ 1 ครั้งเท่านั้น

วิธีการนี้เป็นการเชื่อว่าคนในหมู่บ้านหรือจะได้กลับมาเจอกับคนที่รักที่เสียชีวิตไปแล้วอีกครั้งหนึ่ง โดยตามความเชื่อของคนหมู่บ้านแห่งนี้นั้นพวกเขาเชื่อว่าบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้วหากใครที่ไปเสียชีวิตที่อื่นก็ควรจะให้วิญญาณของบุคคลเหล่านั้น

ได้กลับมาอยู่ที่หมู่บ้านของพวกเขาดังนั้นเขาจึงต้องมีการจัดพิธีความเชื่อแบบนี้ขึ้น และพิธีกรรมความเชื่อนี้ยังส่งผลให้บุคคลที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มักจะไม่ค่อยเดินทางออกไปยังพื้นที่อื่นเพราะพวกเขาเชื่อกันว่าหากเข้าไปที่อื่นแล้วเกิดขึ้นวิญญาณของพวกเขาจะไม่สามารถกลับมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่

จึงมักอาศัยภายในหมู่บ้านแห่งนี้ ผู้คนในหมู่บ้านยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติแต่เมื่อใดก็ตามที่ถึงเดือนสิงหาคมทุกคนต่างก็จะมารวมตัวกันเพื่อจัดทำพิธีกรรมนี้ซึ่งถ้าหากเราไม่มองถึงพิธีกรรมหมู่บ้านแห่งนี้ก็มีความสวยงามไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการสร้างอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่มีความงดงามแปลกตา

ซึ่งหาดูได้ยากจากที่ไหนเช่นเดียวกันดังนั้นหากใครที่เดินทางไปเที่ยวประเทศอินโดนีเซียอย่าลืมแวะไปเที่ยวหมู่บ้าน   Toraja ซึ่งหมู่บ้านนี้จะอยู่ทางตอนใต้ของเกาะซูลาเวซี

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  rb88

ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ

ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้าเพียงลำพัง

คุณลุงก็ได้พาเราที่ได้เป็นคนหัวดื้อที่ไปยืนโบกรถอยู่ตรงที่สามแยกจนมืดมาที่รีสอร์ทใกล้ๆของเพื่อนและยังได้บอกผมให้จ่ายเงินสัก100บาทเพื่อที่จะได้แลกกับที่นอนหลังห้องประชุมของสถานที่แห่งนี้ด้วยเงินจำนวน100บาท

และทุกคนเขาก็ยังได้ดูแลเราเป็นอย่างดีมันได้เป็นริมทางในวันที่เราได้ผิดพลาดไปและยังได้เต็มไปด้วยน้ำใจของผู้คนที่มันได้เปลี่ยนเป็นความสุขมาจากใจ

เพื่อทำให้เรานั้นไม่คิดที่จะยอมแพ้มันในวันพรุ่งนี้ จากนั้นในวันใหม่ของการเดินทางมันก็ได้เริ่มขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งในเช้าของวันใหม่นี้ เราได้เล่มตามเกมที่มันควรจะเป็น ซึ่งมันได้เป็นเช้าของการโบกรถที่ได้มีความเป็นไปได้ในเส้นทางอีกทั้งในการไม่ยอมแพ้มันคือกติกาของการโบกรถเดินทางจากนั้นก็ได้ใช้เวลาในการโบกรถ

แค่เพียงไม่นานก็ได้มีรถกะบะสีดำก็ได้ช่วยเราให้ขึ้นรถมาด้วยความรู้สึกยินดีในตอนนั้นมันช่างเต็มไปด้วยความยินดีและสูงส่งไปกว่าที่เรานั้นได้ไไปพิชิตดอยสักดอยของเรา ซึ่งในเส้นทางที่จะขึ้นไปยังภูทับเบิกนั้นมันก็จะผ่านอุทยานแห่งชาติภูหินน่องกล้าก่อน

เพราะมันได้เป็นจุดหมายของเราในเช้าวันนี้ก่อนที่เราจะไปยังภูทับเบิกเราได้โบกรถสำเร็จและเราก็ได้มาถึงยังภูหินร่องกล้า

ซึ่งอาการด้านบนนั้นมันเย็นตัวลงอย่างไม่น่าเชื่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านบนนั้นก็ได้นำพาเราไปยังเส้นดินแดนของประวัติศาสตร์ของ ภูหินร่องกล้า สำหรับอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เนื่องจากในอดีตนั้นมันยังเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและความตาย ซึ่งสถานที่แห่งนี้เมื่อในปี พ.ศ.2511-2525 และยังได้เป็นสมรภูมิที่มีการสู้รบของพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศไทย

กับด้านฝ่ายความมั่นคงแม้ว่าในการสู้รบในครั้งนั้นไม่ปรากฎผลแพ้ชนะเนื่องจากด้านฝ่ายของความมั่นคงได้เปิดโอกาสให้บรรดานักศึกษาหรือประชาชนที่ได้หนีเข้าป่าหรือแม้ว่าด้านของพรรคคอมมิวนิสต์ได้กลับคืนสู่เมือง

เพื่อช่วยกันพัฒนาชาติไทยหลังจากนั้นภูหินร่องกล้าจึงได้จัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติเพื่อให้ได้เป็นแหล่งของการเรียนรู้และด้านศึกษาตำนานแก่คนรุ่นหลังให้ได้เข้ามาสัมผัมธรรมชาติและด้านประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ไปพร้อมๆกัน

ซึ่งในเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้านี้ได้มีเพียงแค่เราคนเดียวที่ได้เดินขึ้นมายังที่จุดนี้พร้อมกับเสื้อกันหนาาวมือสองราคาเพียง140บาทที่ได้ซื้อมาเผื่อคิดว่ามันจะหนาวที่ป้ายรถเมล์พิษณุโลกอย่างน้อยเราก็ได้ตัดสินใจถูกที่ได้หยิบเสื้อกันหนาวมาสักตัว

 

สนับสนุนเรื่องราวมาจาก  nowbet

พระธาตุพระพนม

วัดพระธาตุขนม วรมหาวิหาร เป็นวัดอารามหลวงชั้นเอก ชนิด วรมหาวิหาร ซึ่งเป็น1 ใน 6 วัดในประเทศเท่านั้น วัดพระธาตุพนมตั้งอยู่ริมฝั่งแม่โขง บนถนนชยางกูร บ้านธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

จุดสำคัญในวัดแห่งนี้คือ พระธาตุพนม ที่มีลักษณะเป็นเจดีย์ มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม มีกำแพงล้อมรอบตัวพระธาตุถึงสี่ชั้น อดีตพระธาตุแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินดินที่สูงเพียงแค่ 3 เมตรเท่านั้น แต่ก่อนเนินดินแห่งนี้ถูกเรียกว่า “ภูกำพร้า” แต่ก็ได้ถูกสร้างต่อเติมเพิ่มมาโดยตลอดจนเป็นพระธาตุพนม ดังเช่นในปัจจุบัน 

ทุกๆปีของที่นี่จะมีการจัดงานประจำปีเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาสักการะพระธาตุพนม ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดขึ้นตรงกับ วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 2 แรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกๆปี เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่จัดงานเพื่อเฉลิมฉลองกันถึง 9วัน 9คืน เป็นงานใหญ่ระจำปีที่คนทั้งภายในจังหวัดและทุกสารทิศเดินทางกันมาเพื่อแห่เข้าเยี่ยมชมสักการะพระธาตุพนม

และยังได้เดินเที่ยวเล่นเพลิดเพลินไปกับงานที่จัดได้อย่างสนุกสนานและยิ่งใหญ่ 

มีตำนานที่เล่าขานถึงประวัติที่มาที่ไปของพระธาตุพนมและนครแห่งนี้ ตามตำนานเล่าไว้ว่า ในสมัยปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระอานนท์ ได้ทรงเสด็จ มาทางทิศตะวันออก โดยได้เดินทางมาทางอากาศลงมาที่ดอนกอนเนา แล้วมายังที่หนองคันแทเสื้อน้ำ หรือปัจจุบันคือเวียงจันทร์

พระองค์ได้ทรงพยากรณ์เอาไว้ว่าในภายภาคหน้าอนาคตจะเกิดเมืองใหญ่ขึ้น แล้วจึงได้เดินทางข้ามแม่น้ำโขงมาประทับอยู่ที่ ภูกำพร้าหนึ่งคืน ได้พักอยู่ที่ใต้ต้นรัง เมื่อพระอินทร์ได้เสด็จมาเข้าเฝ้าแล้วจึงทูลถามว่าเหตุใดท่านจึงได้มาประทับที่ภูกำพร้า พระพุทธองค์จังได้ตรัสว่า เมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว

พระมหากัสสปะ จะเป็นผู้อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์มาบรรจุไว้ ณ ที่แห่งนี้ และเมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้วก็เกิดเหตุเช่นนั้นจริงๆ 

เจดีย์ที่สร้างขึ้นเป็นการสร้างเอาไว้เก็บพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเอาไว้ เพื่อเป็นที่สักการะแก่เหล่าชาวพุทธที่เลื่อมใสในศาสนาให้ได้มากราบไว้บูชากัน ตัววัดและเจดีย์มีความสวยวิจิตร ด้านบนนอกจากจะเก็บพระธาตุของพระพุทธเจ้าแล้ว

ยังเป็นที่เก็บทรัพสมบัติอีกมากมาย และบนยอดฉัตรของเจดีย์ซึ่งทำด้วยทองคำกว่า 110 กิโลกรัม

เป็นสถานที่ที่ชาวพุทธอย่างเราๆควรไปสักการะให้ได้ซักครั้ง และยิ่งถ้าคุณไปในช่วงที่มีการจัดงานนมัสการพระธาตุ คุณก็จะได้สนุกเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆการละเล่นมหรสพภายในงานตลอดถึง 9 วัน 9 คืน กันเลยที่เดียว

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดริ้วขบวนแห่อันเชิญพระอุปคุตจากริมฝั่งโขงไปประดิษฐานที่พระวิหารหอแก้ว และยังมีการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น  ของกินและ อื่นๆอีกมากมาย

สามารถเดินทางไปชมได้ ในช่วงงานบุญเดือนสาม ซึ่งจะตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ของของทุกปี

การท่องเที่ยวคลายร้อนใกล้กรุงเทพ

สำหรับการท่องเที่ยวที่เป็นการคลายร้อนก็คงหนีไม่พ้นกับการเที่ยวแบบต้องมีน้ำอย่างแน่นอน เพราะจะเห็นได้ว่าสำหรับใครก็ตามที่อยากจะคลายร้อนนั้นจะต้องจ้องสถานที่ที่มีน้ำอย่างเดียว โดยวันนี้เรามีสถานที่แนะนำมาฝาก จะต้องบอกว่าใกล้กับกรุงเทพขับรถเพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้นก็จะสามารถทำให้คลายร้อนได้แล้ว แถมยังได้สัมผัสกับบรรยากาศที่แสนจะน่าหลงไหลอีกด้วยนะ โดยมีดังนี้

ลิม่า ดูว่า รีสอร์ท เกาะเสม็ด

สถานที่แรกที่เราจะแนะนำนั้นต้องบอกว่าเราจะต้องยกให้กับแกะเสม็ดเลยคะ และสำหรับที่พักที่จะต้องเป็นอันถูกใจของใครต่อใครที่พบเห็นอย่างแน่นอน สำหรับคนที่ชื่นชอบในการเล่นน้ำโดยเฉพาะโดยที่นี่เป็นที่พักสุดแสนจะชิวที่มีความโดดเด่น และดูสวยงาม แต่ถึงแม้ว่าที่นี่นั้นจะไม่ติดกับทะเลแต่ก็มีไฮไลท์ห้องพักที่เรียกได้ว่าเริศเป็นที่สุด

เพราะห้องพักนี้สามารถมีที่เดินสำหรับในการลงสระว่ายน้ำโดยการเดินลงมาจากห้องได้เลย และยังมีระเบียงให้นั่ง-นอนอาบแดด หรือจะเป็นการนั่งเล่นเอาขามาจุ่มน้ำเล่นแบบชิวๆก็ได้นะ นอกจากนั้นยังมีมุมในการให้คุณนั้นได้ถ่ายรูปอีกหลากหลายมุมด้วยกัน

รับรองได้ว่าสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปจะต้องชอบที่นี่มากๆเพราะสามารถโพสท่าถ่ายรูปได้แบบไม่ซ้ำที่เลยแหละ เผลอๆได้รูปเปลี่ยนโปรไฟล์เพียบ เพียงแค่วิวสำหรับโรงแรมก็ไม่ต้องง้อกับวิวทะเลยแล้วเพราะมันสวยและเยอะจริงๆ

The emerald cove เกาะช้าง

ขยับมากับที่เกาะช้างกันบ้างดีกว่าต้องบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เป็นที่พักสุดหรูสำหรับ 5ดาวเลยนะ เพราะที่นี่ตั้งอยู่บนหาดคลองพร้าวโดยมีการตกแต่งด้วยสไตล์ที่เป็นโมเด้นอย่างแน่นอน มีความสวย หรู อยู่ในที่เดียวกันแถวบริเวณก็มีการรายล้อมไปด้วยต้นมะพร้าวและต้นปาล์มอีกนะ บริเวณโรงแรมนั้นจะมีสระว่ายน้ำที่เป็นขนาดใหญ่มากสามารถเทียบเท่ากับสระโอลิปิกเลยแหละ ซึ่งคุณสามารถที่จะลงไปเล่นน้ำท่ามกลางพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม บอกเลยนะว่าสวยงามและต้องถูกใจกับผู้ที่ได้ไปพบเห็นอย่างแน่นอน

ทู เดอะ ซี รีสอร์ท เกาะกูด (To The Sea The Resort)

เกาะนี้ถือได้ว่าเป็นอีกเกาะที่เต็มไปด้วยที่พักสวยๆติดทะเล ซึ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบที่จะเล่นน้ำทะเลจะต้องเป็นที่นี่แหละ โดยที่เกาะกูดจังหวัดตราดที่แห่นี้ถือได้ว่าเป็นเกาะที่สวยไม่แพ้ที่อื่นๆเลยนะ ส่วนโรงแรมที่นี่ก็มีสะพานไม้เก๋ๆและมีสระว่ายน้ำที่เป็นการเหมาะสำหรับในการแช่น้ำชมวิวทะเลเป็นอย่างมากแถมมีห้องพักขนาดใหญ่ให้เลือกพักจับจองกันอีกด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  next88